บันทึกของคนอยากมีลูก ๑
Friday, September 20, 2013 Posted In อยากมีเจ้าตัวน้อย
วันพุธที่๑๑ กันยายน ๒๕๕๖
เริ่มเกริ่นก่อนเลยแล้วกันค่ะ จากที่แต่งงานได้ ๔ ปีก่า แล้ว
ฉันและสามีก็มีการวางแผนครอบครัวกันมานานทีเดียว สร้างเนื้อสร้างตัว เพื่อให้มันคงค่ะ
เนื่องจากต้องอาศัยอยู่แดนไกล ไกลบ้าน ไกลจากครอบครัว พี่น้อง ญาติมิตร (เยอะมากๆค่ะ)
แต่ด้วยความรัก และบุพเพที่ทำให้ฉันต้องระเหเร่ร่อน มาอยู่กับแฟนที่ชิลีค่ะ ไกลมว๊ากกก
เรียกได้ว่าแทบจะไกลตรงข้ามกันคนละฝั่งของโลกก็ว่าได้ค่ะ
ถ้าเปรียบกับเพลงก็คงจะเหมือนเพลงรักข้ามขอบฟ้ายังไงยังงั้นเลย
(เก่าไปมั้ย)
เข้าเรื่องกันเลยค่ะ ฉันกับแฟนเริ่มวางแผนครอบครัวกันตั้งแต่ เดือนกันยน ปี ๒๕๕๕
แต่เนื่องจากต้องทำงาน วุ่นกันมาก ก็เลยไม่ได้เต็มทีกับแผนที่วางไว้ซักเท่าไหร่ค่ะ จนมาเดือนธันวาคม ก็เริ่มจริงจังมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่สำเร็จไป๒ครั้ง
ที่เกือบจะประสบความสำเร็จอยู่แล้วเชียว ในช่วงปลายเดือนธันวาถึงต้นเดือนมกราคม กับเดือบกรกฏาคมที่ผ่านมาค่ะ
(คิดว่าหลุดไปนะคะ เพราะว่าอาการทุกอย่างมันใช่เลยค่ะ)
หาหมอกันอยู่หลายรอบ เช็ค และ ตรวจกันอยู่หลายครั้ง แต่คุณหมอบอกว่า
ฉันแข็งแรงดี สุขภาพดี โดยส่วนตัวออกกำลังกายเป็นประจำ
และคิดว่าการรับประทานอาหารก็ค่อนข้างที่จะอยู่ในเกณดีเลยล่ะคะ แต่เนื่องจากที่ฉันมีช็อคโกแลตซีสที่เป็นมานานมากๆ แต่ขนาดไม่ได้เพิ่มขึ้น
กับล่าสุดที่เพิ่งตรวจเมื่อครั้งที่กลับไปที่ประเทศไทยล่าสุดเมื่อปี๕๔ ก็ได้ของแถมมาอีกด้วย
ก็คือผังผืด ดึงมดลูกไปทางขวาแต่คุณหมอก็ไม่ได้บอกอะไร
ก็ปกติ เพียงมีผังผืด ถ้าไม่รบกวนการดำรงชีวิต ก็ไม่มีปัญหาอะไร จบ ....
แต่ว่าาาาา ตอนนี้ทั้งช็อคและผัง ทำให้ฉันมีลูกยากขึ้นก่าปกติ(คิดว่าใช่เลยล่ะ)
แต่ฉันก็ไม่ละความพยายาม เดือนล่าสุดเดือนสิงหาคม
ได้ทำการบ้านอย่างจริงๆจังๆๆๆๆๆๆๆ มากๆๆๆๆๆๆ
กางปฏิทิน ทำการบ้าน หาวันตกไข่อย่างครอบจักรวาล เพราะว่า โดยส่วนตัวก็เป็นคนที่มีประจำเดือนที่ค่อนข้างจะปกติ แต่บางครั้งก็เคยไม่มาไปเป็น๔๐ ก่าวันก็มี
(เพราะช่วงนั้นคิดว่า น่าจะติดแต่หลุดไปนะคะ ) ก็เลยไม่รู้ว่า มีรอบเดือนกี่วันกันแน่ ก็พยายามคำนวณให้ครอบคลุมมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
ที่เหลือ ก็ทำการบ้านให้ดีกับคุณแฟนแต่เค้าก็ทำงานค่อนข้างเหนื่อยก็พยายามรับผิดชอบการบ้านที่ต้องร่วมกันปฏิบัติอย่างจริงจัง แอบเหนื่อย ไม่ได้ทำการบ้านไป๑วันจากตารางที่ทำไว้ ส่วนตอนนี้ก็มาลุ้นๆดูว่าจะมีผลเป็นอย่างไรค่ะ
ประจำเดือนล่าสุดที่มา ๖ สิงหาคม ๒๕๕๖
คิดว่าประจำเดือนน่าจะมาในช่วง ๔ ถึง ๖ กันยายน แต่ก็ยังไม่มา
เมื่อวันเสาร์ที่ ๗ กันยายน คุณแฟนไปซื้อที่ตรวจการตั้งครรภ์มาตั้งแต่เมื่อวาน
แต่ฉันไม่อยากจะตรวจเพราะว่าเครียดทุกทีที่ตรวจ
เช่นครั้งก่อนคิดว่าเป็นเพราะว่าเร็วเกินไป สรุปผลออกมาเป็นลบ
แต่ประจำเดือนยังไม่มา ก็ไปตรวจเลือด หาหมอเช็คกันใหญ่เลย
คุณหมอบอกอีกว่า เปอร์เซ็นต์ตั้งครรภ์สูง(นั่นไง ให้ความหวังกันเห็นๆเลย)
แต่ว่าก็แห้วกันไปค่ะ ครั้งนี้ก็อีกแล้ว คุณแฟน ยืนมองจ้องอยู่จนครบกำหนด ๑๐ นาที ส่วนฉัน ทำใจตั้้งแต่เนิ่นๆแล้ว สรุปผลเป็นลบ ไม่ท้องค่ะ จ๋อยมากๆ ทั้งสองคน ยังไงก็ยังมีความหวังอยู่
เพราะประจำเดือนยังไม่มาค่ะ ช่วงเวลาที่ทรมาณที่สุดจากประสบการณ์ ที่พยายามมีลูกจนถึง ณ จุดนี้ ก็คือช่วงของการรอผลมันทรมาณมาก เหมือนเวลามันเดินช้ายิ่งกว่าหอยทากเดินเลยทีเดียว คิดว่าคุณแม่ๆ อีกหลายคนก็เป็นเช่นเดียวกัน ไม่น่าเชื่อเลยกับการที่ผู้หญิงคนนึง ต้องการจะมีลูกมันช่างยากเช่นเเสนเขน เลือดตาเเทบกระเด็น อ่าว่ากันไป มันคือความทรมาณจากใจจริงๆ เพราะคิดว่าการมีลูกเป็นเรื่องธรรมชาติ และคิดว่าไม่น่าจะใช่เรื่องยาก ความยากไม่เคยอยู่ในหัวมาก่อน จนกระทั้งมาเจอกับตัวเองโดยตรง เฮ่อ อยากจะถอนหายใจ เฮือกใหญ่ๆ ขนาดที่ควายปลิวแต่ก็ทำไม่ได้ เฮ่อๆๆ
วันๆ ช่วงของการรอผล นั่งจดบันทึกความเปลี่ยนแปลงของร่างกายตัวเอง หาข้อมูล นั่งจดจออยู่หน้าคอม ค้นหาข้อมูลทางเนตเพิ่มเติม ทั้งๆ ที่บางเรื่องค้นไปแล้วไม่รู้กี่รอบ ก็ยังทำอยู่ซ้ำๆ เป็นอาการทางประสาทจิ๊ดๆ เริ่มกระเบียดเข้ามาในหัวมากขึ้นเรื่อยๆ จนต้องอาศัยศาสนามาเป็นที่พึ่งทางใจกันเลยทีเดียว นั่งสวดมนต์ ฟังธรรมะ มันได้ผลจริงๆ แต่..........ได้ผลขณะฟัง
พอฟังจบ สมองสั่งการให้ค้นหาข้อมูลอีกแล้ววววววว โอ้ววววว เปียดกระบวนมว๊ากกก
เหมือนกับคนที่กำลังจมน้ำ พอวายน้ำขึ้นมาก็จมลงไปอีก สรุป ก็พยายามตั้งสติ เตือนตัวเอง บอกกับตัวเองว่า อนิจจัง ทุกสิ่งไม่เที่ยง อะไรจะเกิดมันก็เกิด (พึ่งทางธรรมอย่างเเรงเลย)
วันนี้ก็ดีขึ้น(นี่ขนาดดีขึ้น ยังพร่ำเพร้อ บรรณาได้ยาวเหยียด ) ไม่ได้หาข้อมูลทางเนตแล้ว หาอะไรทำไปเรื่อยๆ ไม่หมกมุ่น เช่นออกกำลังกาย ทำขนม เต้นบ้าง เพื่อคลายเครียด ก็ดีขึ้นจริงๆ
โชคดีที่เป็นคนชอบทำอาหาร หาสูตรทางเนต ทำไปเรื่อยๆ ต้องเป็นสูตรเฉพาะนิดนึงเพราะว่าคุณแฟนแพ้กลูเต็น(แพ้แป้งสาลี) ก็สนุกไม่ธรรมดาดี อิอิ คิดในแง่ดีค่ะ แถมเพื่อสุขภาพอีกด้วยนะคะ ไม่กินกลูเต็นเนี่ย
และโชคดีที่สองก็คือ ชอบออกกำลังกายมากๆ รู้สึกสุขภาพดี ถ้าไม่ได้ออกนานๆ จะรู้สึกอ่อนแอ ร่างกายไม่แข็งแรง เพราะโดยส่วนตัวจะมีปัญหาเรื่องหัวเข่า ข้อต่อต่างๆ รวมทั้งหลัง การออกกำลังกายก็เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อก็เป็นสิ่งที่ดีมากๆๆๆๆ
ผลกระทบจากอาการที่เหมือนจะแพ้ท้อง (หรือจิตๆไปเองก็ไม่รู็นะคะ)
ครั้งนี้ แตกต่างจากครั้งก่อนๆ มาก
ค่ะ แต่ส่วนตัว ไม่เคยคิดว่าขาตัวเองใหญ่มาก แต่รู้ตัวค่ะว่าใหญ๋อยู๋ อิอิ แต่โดยรวมๆ ถ้าถามคนทั่วๆไปจะคิดว่าหนักประมาณ ๔๗ แนวๆ นั้น นะคะเพราะเป็นคนกระดูกใหญ่(คิดว่าค่ะ แถมเนื้อแน่น กล้ามเนื้อนะคะ ) เรื่องดีๆก็มีค่ะ มาอยู่ชิลี ความเก็บกดกับเรื่องต้นขาก็หายไปในพริบตากลับกลายเป็นคนขาเซ็กซี่ขึ้นมาทีเดียว หุหุ เค้าชอบไม่เหมือนบ้านเราเลยค่ะ ถ้าคนไทยคนชอบขาเรียวเล็ก เหมือนตะเกียบ(ถ้าเข้าใจไม่ผิด)ที่นี่แบบนี้ไม่สวยค่า ต้องตอหม้อแบบฉันหุหุ อ่าค่ะ ไว้ค่อยระบายต่อทีหลังค่ะ
เริ่มเกริ่นก่อนเลยแล้วกันค่ะ จากที่แต่งงานได้ ๔ ปีก่า แล้ว
ฉันและสามีก็มีการวางแผนครอบครัวกันมานานทีเดียว สร้างเนื้อสร้างตัว เพื่อให้มันคงค่ะ
เนื่องจากต้องอาศัยอยู่แดนไกล ไกลบ้าน ไกลจากครอบครัว พี่น้อง ญาติมิตร (เยอะมากๆค่ะ)
แต่ด้วยความรัก และบุพเพที่ทำให้ฉันต้องระเหเร่ร่อน มาอยู่กับแฟนที่ชิลีค่ะ ไกลมว๊ากกก
เรียกได้ว่าแทบจะไกลตรงข้ามกันคนละฝั่งของโลกก็ว่าได้ค่ะ
ถ้าเปรียบกับเพลงก็คงจะเหมือนเพลงรักข้ามขอบฟ้ายังไงยังงั้นเลย
(เก่าไปมั้ย)
เข้าเรื่องกันเลยค่ะ ฉันกับแฟนเริ่มวางแผนครอบครัวกันตั้งแต่ เดือนกันยน ปี ๒๕๕๕
แต่เนื่องจากต้องทำงาน วุ่นกันมาก ก็เลยไม่ได้เต็มทีกับแผนที่วางไว้ซักเท่าไหร่ค่ะ จนมาเดือนธันวาคม ก็เริ่มจริงจังมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่สำเร็จไป๒ครั้ง
ที่เกือบจะประสบความสำเร็จอยู่แล้วเชียว ในช่วงปลายเดือนธันวาถึงต้นเดือนมกราคม กับเดือบกรกฏาคมที่ผ่านมาค่ะ
(คิดว่าหลุดไปนะคะ เพราะว่าอาการทุกอย่างมันใช่เลยค่ะ)
หาหมอกันอยู่หลายรอบ เช็ค และ ตรวจกันอยู่หลายครั้ง แต่คุณหมอบอกว่า
ฉันแข็งแรงดี สุขภาพดี โดยส่วนตัวออกกำลังกายเป็นประจำ
และคิดว่าการรับประทานอาหารก็ค่อนข้างที่จะอยู่ในเกณดีเลยล่ะคะ แต่เนื่องจากที่ฉันมีช็อคโกแลตซีสที่เป็นมานานมากๆ แต่ขนาดไม่ได้เพิ่มขึ้น
กับล่าสุดที่เพิ่งตรวจเมื่อครั้งที่กลับไปที่ประเทศไทยล่าสุดเมื่อปี๕๔ ก็ได้ของแถมมาอีกด้วย
ก็คือผังผืด ดึงมดลูกไปทางขวาแต่คุณหมอก็ไม่ได้บอกอะไร
ก็ปกติ เพียงมีผังผืด ถ้าไม่รบกวนการดำรงชีวิต ก็ไม่มีปัญหาอะไร จบ ....
แต่ว่าาาาา ตอนนี้ทั้งช็อคและผัง ทำให้ฉันมีลูกยากขึ้นก่าปกติ(คิดว่าใช่เลยล่ะ)
แต่ฉันก็ไม่ละความพยายาม เดือนล่าสุดเดือนสิงหาคม
ได้ทำการบ้านอย่างจริงๆจังๆๆๆๆๆๆๆ มากๆๆๆๆๆๆ
กางปฏิทิน ทำการบ้าน หาวันตกไข่อย่างครอบจักรวาล เพราะว่า โดยส่วนตัวก็เป็นคนที่มีประจำเดือนที่ค่อนข้างจะปกติ แต่บางครั้งก็เคยไม่มาไปเป็น๔๐ ก่าวันก็มี
(เพราะช่วงนั้นคิดว่า น่าจะติดแต่หลุดไปนะคะ ) ก็เลยไม่รู้ว่า มีรอบเดือนกี่วันกันแน่ ก็พยายามคำนวณให้ครอบคลุมมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
ที่เหลือ ก็ทำการบ้านให้ดีกับคุณแฟนแต่เค้าก็ทำงานค่อนข้างเหนื่อยก็พยายามรับผิดชอบการบ้านที่ต้องร่วมกันปฏิบัติอย่างจริงจัง แอบเหนื่อย ไม่ได้ทำการบ้านไป๑วันจากตารางที่ทำไว้ ส่วนตอนนี้ก็มาลุ้นๆดูว่าจะมีผลเป็นอย่างไรค่ะ
ประจำเดือนล่าสุดที่มา ๖ สิงหาคม ๒๕๕๖
คิดว่าประจำเดือนน่าจะมาในช่วง ๔ ถึง ๖ กันยายน แต่ก็ยังไม่มา
เมื่อวันเสาร์ที่ ๗ กันยายน คุณแฟนไปซื้อที่ตรวจการตั้งครรภ์มาตั้งแต่เมื่อวาน
แต่ฉันไม่อยากจะตรวจเพราะว่าเครียดทุกทีที่ตรวจ
เช่นครั้งก่อนคิดว่าเป็นเพราะว่าเร็วเกินไป สรุปผลออกมาเป็นลบ
แต่ประจำเดือนยังไม่มา ก็ไปตรวจเลือด หาหมอเช็คกันใหญ่เลย
คุณหมอบอกอีกว่า เปอร์เซ็นต์ตั้งครรภ์สูง(นั่นไง ให้ความหวังกันเห็นๆเลย)
แต่ว่าก็แห้วกันไปค่ะ ครั้งนี้ก็อีกแล้ว คุณแฟน ยืนมองจ้องอยู่จนครบกำหนด ๑๐ นาที ส่วนฉัน ทำใจตั้้งแต่เนิ่นๆแล้ว สรุปผลเป็นลบ ไม่ท้องค่ะ จ๋อยมากๆ ทั้งสองคน ยังไงก็ยังมีความหวังอยู่
เพราะประจำเดือนยังไม่มาค่ะ ช่วงเวลาที่ทรมาณที่สุดจากประสบการณ์ ที่พยายามมีลูกจนถึง ณ จุดนี้ ก็คือช่วงของการรอผลมันทรมาณมาก เหมือนเวลามันเดินช้ายิ่งกว่าหอยทากเดินเลยทีเดียว คิดว่าคุณแม่ๆ อีกหลายคนก็เป็นเช่นเดียวกัน ไม่น่าเชื่อเลยกับการที่ผู้หญิงคนนึง ต้องการจะมีลูกมันช่างยากเช่นเเสนเขน เลือดตาเเทบกระเด็น อ่าว่ากันไป มันคือความทรมาณจากใจจริงๆ เพราะคิดว่าการมีลูกเป็นเรื่องธรรมชาติ และคิดว่าไม่น่าจะใช่เรื่องยาก ความยากไม่เคยอยู่ในหัวมาก่อน จนกระทั้งมาเจอกับตัวเองโดยตรง เฮ่อ อยากจะถอนหายใจ เฮือกใหญ่ๆ ขนาดที่ควายปลิวแต่ก็ทำไม่ได้ เฮ่อๆๆ
วันๆ ช่วงของการรอผล นั่งจดบันทึกความเปลี่ยนแปลงของร่างกายตัวเอง หาข้อมูล นั่งจดจออยู่หน้าคอม ค้นหาข้อมูลทางเนตเพิ่มเติม ทั้งๆ ที่บางเรื่องค้นไปแล้วไม่รู้กี่รอบ ก็ยังทำอยู่ซ้ำๆ เป็นอาการทางประสาทจิ๊ดๆ เริ่มกระเบียดเข้ามาในหัวมากขึ้นเรื่อยๆ จนต้องอาศัยศาสนามาเป็นที่พึ่งทางใจกันเลยทีเดียว นั่งสวดมนต์ ฟังธรรมะ มันได้ผลจริงๆ แต่..........ได้ผลขณะฟัง
พอฟังจบ สมองสั่งการให้ค้นหาข้อมูลอีกแล้ววววววว โอ้ววววว เปียดกระบวนมว๊ากกก
เหมือนกับคนที่กำลังจมน้ำ พอวายน้ำขึ้นมาก็จมลงไปอีก สรุป ก็พยายามตั้งสติ เตือนตัวเอง บอกกับตัวเองว่า อนิจจัง ทุกสิ่งไม่เที่ยง อะไรจะเกิดมันก็เกิด (พึ่งทางธรรมอย่างเเรงเลย)
วันนี้ก็ดีขึ้น(นี่ขนาดดีขึ้น ยังพร่ำเพร้อ บรรณาได้ยาวเหยียด ) ไม่ได้หาข้อมูลทางเนตแล้ว หาอะไรทำไปเรื่อยๆ ไม่หมกมุ่น เช่นออกกำลังกาย ทำขนม เต้นบ้าง เพื่อคลายเครียด ก็ดีขึ้นจริงๆ
โชคดีที่เป็นคนชอบทำอาหาร หาสูตรทางเนต ทำไปเรื่อยๆ ต้องเป็นสูตรเฉพาะนิดนึงเพราะว่าคุณแฟนแพ้กลูเต็น(แพ้แป้งสาลี) ก็สนุกไม่ธรรมดาดี อิอิ คิดในแง่ดีค่ะ แถมเพื่อสุขภาพอีกด้วยนะคะ ไม่กินกลูเต็นเนี่ย
และโชคดีที่สองก็คือ ชอบออกกำลังกายมากๆ รู้สึกสุขภาพดี ถ้าไม่ได้ออกนานๆ จะรู้สึกอ่อนแอ ร่างกายไม่แข็งแรง เพราะโดยส่วนตัวจะมีปัญหาเรื่องหัวเข่า ข้อต่อต่างๆ รวมทั้งหลัง การออกกำลังกายก็เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อก็เป็นสิ่งที่ดีมากๆๆๆๆ
ผลกระทบจากอาการที่เหมือนจะแพ้ท้อง (หรือจิตๆไปเองก็ไม่รู็นะคะ)
ครั้งนี้ แตกต่างจากครั้งก่อนๆ มาก
- อาการเจ็บหน้าอก แน่น คัดๆ ปวดมาก ไม่เคยปวดแบบนี้ แต่เป็นประมาณวันที่ ๑๗เดือนสิงหาคม เป็นมากช่วงสัปดาห์ที่ ๔ และอาการเพิ่งลดๆลง
- อาการเจ็บท้องน้อย หน่วงๆ แปล๊บๆๆ ซ้าย ขวา ช่วงตำแหน่งตำลงไปบ้างก็มี บางทีถึงกับสะดุ้ง เลยล่ะค่ะแต่ที่เป็นประจำก็หน่วงหนักๆอยู่เสมอๆ ตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม มีช่วงสองวันที่ปวดมากอย่างที่ไม่เคยปวดแบบนี้มาก่อน แต่ช่วงนี้ลดลงแล้วค่ะ
- อาการปวดท้องปัสสาวะ เจ็บจี๊ดๆค่ะ ตำแหน่งน่าจะที่กระเพาะปัสสาวะ แต่เป็นได้แค่วันเดียวค่ะเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
- อาการเพลีย เหนื่อยง่าย นอนช่วงเช้าตลอด๒อาทิตย์ที่ผ่านมา (แปลกมากๆค่ะ เพราะว่าเป็นคนไม่นอนกลางวันเลย) ขนาดกำลังคุยๆอยู่กับพ่อแม่ที่บ้านทางสไกค์ หัวฟุบหลับไปเฉยๆ จนพ่อกับแม่ต้องปลุกให้ไปนอนพักกันก็มี แถมนอนแต่หัวค่ำ
- อาการหิวมากขึ้น อยากขนม และที่สำคัญอยากกินมะขามคลุกน้ำตาลจะหาได้ที่ไหนละเนี่ยตั้งแต่อยู่ชิลีมายังไม่เคยเห็นมะขามที่นี้เลยด้วยเศร้าจัง อาทิตย์ที่ผ่านมา กินเยอะมว๊ากกกก ล่าสุดชั่งน้ำหนัก ๕๙ แย้ว จากประมาณ๕๖ ๕๗ ช่วงนี้แหละค่ะ แต่ว่าถ้ากินมากก็จะขึ้นง่าย
ค่ะ แต่ส่วนตัว ไม่เคยคิดว่าขาตัวเองใหญ่มาก แต่รู้ตัวค่ะว่าใหญ๋อยู๋ อิอิ แต่โดยรวมๆ ถ้าถามคนทั่วๆไปจะคิดว่าหนักประมาณ ๔๗ แนวๆ นั้น นะคะเพราะเป็นคนกระดูกใหญ่(คิดว่าค่ะ แถมเนื้อแน่น กล้ามเนื้อนะคะ ) เรื่องดีๆก็มีค่ะ มาอยู่ชิลี ความเก็บกดกับเรื่องต้นขาก็หายไปในพริบตากลับกลายเป็นคนขาเซ็กซี่ขึ้นมาทีเดียว หุหุ เค้าชอบไม่เหมือนบ้านเราเลยค่ะ ถ้าคนไทยคนชอบขาเรียวเล็ก เหมือนตะเกียบ(ถ้าเข้าใจไม่ผิด)ที่นี่แบบนี้ไม่สวยค่า ต้องตอหม้อแบบฉันหุหุ อ่าค่ะ ไว้ค่อยระบายต่อทีหลังค่ะ
- อาการ อารมณ์ขึ้นลง สะเทือนใจ โมโห ร้องไห้ หัวเราะ ขี้บ่น (ปกติก็เป็นค่ะ ห้าๆ แต่ว่าไม่มาก ควบคุม ได้มากกว่านี้ อิอิ)
- กินมากขึ้นเมื่ออาทิตย์ก่อนกินเยอะมากๆ และกินมายองเนสซึ่งแต่ก่อนก็ไม่ค่อยจะกิน แต่ว่าตอนนี้ใส่ซะเยิ้มเลยล่ะคะ กินกับทูน่า ใส่ซอสพริกนิดว่าแล้วก็ไปกินอีกดีก่าอิอิ
- อาการกระสับกระส่ายนอนไม่หลับ รู้สึกครั้นเนื้อครั้นตัวรู้สึกเหมือนจะไม่สบายมีไข้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็นตลอดทั้งสัปดาห์
- อาการกรดไหลย้อน จุกเสียดแน่น เพิ่งจะเป็นได้ประมาณ๒ถึง๓วันนี้เองค่ะ ส่วนใหญ่จะจุกๆซะมากกว่า
- อาการเหมือนท้องจะเสีย แต่ไม่ถึงกับถ่ายจู๊ดๆนะคะ เป็นมาได้๒วัน
- อาการเหมือนรู้สึกว่าก้นตัวเองบวมๆใหญ่ขึ้นบอกไม่ถูกเป็นมาได้ประมาณ๒สัปดาห์
- อาการปวดหลัง ปวดก้นกบจนบางครั้งถึงกับนอนไม่ได้ก็มีค่ะ ช่วงนี้เพลาๆ ลงแล้ว
- อาการหน้ามืด ก็ไม่รู้ว่าผิดปกติอะไรเท่าไหร่เพราะว่าปกติก็หน้ามืดเอาง่ายๆอยู่แย้วด้วยจิ
